5. ทุติยราคสูตร
ว่าด้วยการละราคะในสิ่งที่เป็นทุกข์
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละราคะในสิ่ง
นั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นทุกข์. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
จักษุเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละราคะในจักษุนั้นเสีย หูเป็นทุกข์ จมูก
เป็นทุกข์ ลิ้นเป็นทุกข์ กายเป็นทุกข์ ใจเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละ
ราคะในใจนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละ
ราคะในสิ่งนั้นเสีย.
จบ ทุติยราคสูตรที่ 5
6. ทุติยฉันทราคสูตร
ว่าด้วยการละฉันทราคะในสิ่งที่เป็นทุกข์
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะ
ในสิ่งนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นทุกข์ ดูก่อนภิกษุทั้ง
หลายจักษุเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในจักษุนั้นเสีย หูเป็น
ทุกข์ จมูกเป็นทุกข์ ลิ้นเป็นทุกข์ กายเป็นทุกข์ ใจเป็นทุกข์ เธอทั้ง
หลายพึงละฉันทราคะในใจนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์
เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในสิ่งนั้นเสีย.
จบ ทุติยฉันทราคสูตรที่ 6
7. ตติยฉันทสูตร
ว่าด้วยการละฉันทะในสิ่งที่เป็นอนัตตา
[259] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลาย
พึงละฉันทะในสิ่งนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นอนัตตา.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในจักษุนั้น
เสีย หูเป็นอนัตตา จมูกเป็นอนัตตา ลิ้นเป็นอนัตตา กายเป็นอนัตตา
ใจเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในใจนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในสิ่งนั้นเสีย.
จบ ตติยฉันทสูตรที่ 7
8. ตติยราคสูตร
ว่าด้วยการละราคะในสิ่งที่เป็นอนัตตา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละราคะ
ในสิ่งนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นอนัตตา. ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย จักษุเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละราคะโนจักษุนั้นเสีย หูเป็น
อนัตตา จมูกเป็นอนัตตา ลิ้นเป็นอนัตตา กายเป็นอนัตตา ใจเป็นอนัตตา
เธอทั้งหลายพึงละราคะในใจนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา
เธอทั้งหลายพึงละราคะในสิ่งนั้นเสีย.
จบ ตติยราคสูตรที่ 8